หลังจากเหตุการณ์การเสียสละกอบกู้โลกของซุปเปอร์แมน (เฮนรี่ คาวิลล์) จาก เหล่าวายร้ายอย่าง สเต็ปเปนวูล์ฟ เดอซาด และดาร์คซายด์ ทำให้แบทแมน (เบน แอฟเฟล็ก) ต้องขอความช่วยเหลือจาก วันเดอร์ วูแมน (กัล กาด็อต) เพื่อรวมทีมยอดมนุษย์ในการผนึกกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูและต่อสู้กับมหันตภัยร้ายครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง แต่การรวมทีมเหล่าฮีโร่ที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่าง แบทแมน, วันเดอร์ วูแมน, อควาแมน (เจสัน โมมัว), ไซบอร์ก (เรย์ ฟิชเชอร์) และ เดอะ แฟลช (เอซรา มิลเลอร์) อาจสายเกินไปสำหรับการกอบกู้โลกจากเหล่าร้ายที่บุกจู่โจมในครั้งนี้
เนื่องจากเวอร์ชั่นนี้มีส่วนถ่ายทำเพิ่มเสริมเนื้อเรื่อง กับส่วนที่ถูกตัดออกไปในเวอร์ชั่นก่อนเพิ่มเข้ามารวมแล้ว 2 ชั่วโมง รวมแล้ว 4 ชั่วโมง 2 นาที แต่เวลาใน HBO Go จะ 3 ชั่วโมง 52 นาที สั้นกว่านิดๆ เพราะเฟรมเรตที่มากกว่าฉายโรงทำให้เวลาหดลง โดยที่เนื้อหายังคงเดิมทั้งหมด โดยใช้อัตราส่วน 4:3 มีขอบดำซ้ายขวาเพื่อทดแทนขนาดภาพจากกล้องไอแม็กซ์แบบที่ฉายในโรง ซึ่งเป็นสิ่งที่แซ็คต้องการ แต่โครงเรื่องหลัก เส้นเรื่องก็ยังคงเป็นไปตามเวอร์ชั่นก่อน ซึ่งก็ต้องบอกว่าถ้าใครไม่ชอบโครงเรื่องภาคก่อนเอามากๆ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องดูเวอร์ชั่นนี้ก็ได้ เพราะหลักๆ ก็ยังเป็นแบบไปแบบเดิมคือ ทีมจัสติกลีกก่อตั้งครั้งแรกจากแบทแมน แล้วก็ชุบซูเปอร์แมนที่ตายในภาค Batman v Superman: Dawn of Justice ขึ้นมาต่อกรกับ Steppenwolf ที่ลงมานำร่องยึดโลกให้เจ้านายดาร์คไซด์แบบเดิม และตัวเรื่องก็ยังคงให้ซูเปอร์แมนแข็งแกร่งสุดๆ ขนาดตบ Steppenwolf ที่เก่งมาตลอดเรื่องลงได้อย่างง่ายดายเช่นเดิม แต่ถ้ากลั้นใจดูเวอร์ชั่นนี้ใหม่นี้อีกครั้ง อะไรหลายๆ อย่างที่เพิ่มเข้ามาและตัดออกไป กลับทำให้หนังเรื่องนี้ดูกลมกล่อมขึ้นมาก และก็เป็นหนังในสไตล์ DC มืดหม่น แอบติดตลกนิดๆ ไม่ได้สดใสยิงมุกตลกบ่อยๆ แบบมาร์เวล ซึ่งนี่คือสิ่งที่แฟน DC ตัวจริงต้องการมากกว่าแบบที่มาร์เวลเป็น
สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องที่เพิ่มเข้ามาคือ บทของไซบอร์ก จากที่เหมือนแค่ตัวแถมประกอบเรื่อง ไม่มีคนสนใจ ไม่เด่น จนทำให้ดาราอย่าง เรย์ ฟิชเชอร์ เองก็มีปัญหากับบทนี้ และน่าจะถอนตัวออกไปจากงานสร้างหลังจากนี้เรียบร้อยแล้ว ในเวอร์ชั่นเขาคือคนที่เด่นที่สุด เป็นหัวใจและคีย์สำคัญของเรื่องไม่แพ้แบทแมน โดยสิ่งที่เพิ่มมาคือพาร์ทครอบครัว พ่อลูกที่มีปัญหากันและเมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเกือบเสียลูกชายไป เขากลับชุบลูกขึ้นมาในร่างไซบอร์ก แต่ลูกกลับคิดว่าตัวเองรูปลักษณ์ผิดปกติไปเหมือนแฟรงเกนสไตน์ ทำให้ไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตในสังคมอีกครั้ง และเฝ้าแต่โทษว่าพ่อคือตัวการทั้งหมดที่ทำให้แม่ตายและเขากลายมาเป็นแบบนี้ ซึ่งพาร์ทของไซบอร์กที่เพิ่มเข้ามาเป็นแรงผลักดันให้ทั้งตัวเองและคนในทีมได้ทำภารกิจนี้ร่วมกัน โดยต้องฝากความหวังไว้ที่เขา เพราะเป็นคนเดียวที่จะหยุดมาเธอร์บ็อกซ์ สิ่งประดิษฐ์จักกลโบราณที่เป็นได้ทั้งหายนะและความหวังตามแต่ผู้ใช้ต้องการ ต้องบอกเลยว่าพาร์ทของไซบอร์กนี้ใส่หัวใจลงไปให้ตัวละครนี้อย่างมาก อีกทั้งการแสดงของเรย์ก็เหมาะเจาะลงตัวกับบทที่มีหัวใจนี้ ทำให้ตัวเรื่องดูนุ่มนวล แอบซึ้ง ไม่แข็งกระด้างทื่อๆ แบบเวอร์ชั่นก่อนที่รวบรัดตัดเรื่องราวของเขาไปจนหมด และรู้สึกอยากให้เรย์กลับมาเล่นต่อ อยากให้มีภาคแยกเรื่องราวต่อไปของเขาจริงๆ ขึ้นมาเลย
ตัวอย่างหนัง